top of page

เจาะเบื้องหลัง Seacon Model ที่เชื่อว่า "Event คือ Marketing Communication ที่มีชีวิต"

Jul 5

Fern Eampika

ในยุคที่ประสบการณ์ของลูกค้าถูกแย่งชิงจากทุกแพลตฟอร์ม การรอให้คน “เดินเข้ามาเอง” ไม่เพียงพออีกต่อไป


ในงาน CTC 2025 Session : Think Different Branding Strategy กลยุทธ์คิดต่าง คุณจักรพล จันทวิมล จากซีคอนสแควร์ได้มาแชร์เบื้องหลังกระบวนการคิดและกลยุทธ์การจัดอีเวนต์ของห้างฯ ที่ไม่ใช่แค่ “แจกของเล่น” หรือ “ออกร้าน” แบบเดิม ๆแต่คือการสร้าง “ประสบการณ์” ที่ทำให้คนอยากกลับมาอีกและเล่าต่อแบบไม่ต้องซื้อโฆษณา


จนบางคนแซวว่าเป็น “ห้างสรรพสินค้าที่จัดอีเวนต์ได้นิดหน่อย”แต่แท้จริงคือ “การขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยกิจกรรมที่มีชีวิต” จนกลายมาเป็นแรงกระเพื่อมที่สำคัญของแบรนด์

52 สัปดาห์ = 30 งานอีเวนต์

รู้หรือไม่ว่าในแต่ละปี Seacon จัดอีเวนต์เฉลี่ยเกือบ 30 งาน หรือประมาณทุกๆ 2 สัปดาห์โดยทุกๆ Event ที่จัดขึ้นนั้นไม่ได้ทำตามกระแสอย่างเดียว แต่ถูกออกแบบด้วยโมเดลการคิดอย่างเป็นระบบ ผ่าน 3 องค์ประกอบหลัก


1. Customer

คำถามสำคัญก่อนออกแบบงาน

GET – ลูกค้าได้ “อะไร” กลับบ้านในเชิงกายภาพ เช่น ได้ขึ้น “เรือโนอาห์ 2 ชั้น” ที่สร้างขึ้นจริงกลางห้าง

FEEL – ขณะอยู่ในงาน ลูกค้ารู้สึกอย่างไร เช่น สนุก ตื่นเต้น ประทับใจ

TELL – หลังจบงาน ลูกค้าจะเล่าอะไร แชร์อะไรกับเพื่อนหรือในโซเชียล


2. Process กระบวนการออกแบบอีเวนต์อย่างแม่นยำ

- Concept

ทุกอีเวนต์ต้องมีธีมโดดเด่น แตกต่างจากงานอื่น เช่น

“Pet Carnival”, “Teen Game Zone”, “ย้อนวันวานตลาดวินเทจ”


- Journey

ที่คิดละเอียดครอบคลุมตั้งแต่

     • Awareness (สื่อออนไลน์, โปสเตอร์, อินฟลูเอนเซอร์)

     • Interest (สร้างทีเซอร์หรือลูกเล่นให้ชวนติดตาม)

     • Action (เข้าร่วมงาน ลงทะเบียน ซื้อของ)

     • Share (ส่งเสริมให้ลูกค้าถ่ายรูป แชร์ และติดแฮชแท็ก)


- K.O. Move: หมัดน็อค

จุดว้าวที่ทำให้ลูกค้าต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพ แชร์ และพูดถึง เช่น เรือโนอาห์ 2 ชั้นที่ตั้งอยู่กลางศูนย์การค้า ไม่ใช่แค่ของตกแต่ง แต่คือหมุดหมายที่ทำให้คนอยากชวนเพื่อนมา เห็นแล้วจำได้


- Stakeholder

การประสานงานและทำงานร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ทั้งทีมภายใน ร้านค้า และพันธมิตรภายนอก


- Action Plan

หรือ To Do List ที่ต้องทำ เพื่อให้งานสำเร็จตามแผน

     • ใช้เวลาวางแผนล่วงหน้าอย่างน้อย 60 วัน

     • วันเซ็ตอัปหลักมักเป็นวันจันทร์–อังคาร เพื่อลดผลกระทบกับทราฟฟิก

     • เปิดงานช่วงพฤหัส–อาทิตย์ ซึ่งเป็นช่วงที่คนเข้าห้างมากที่สุด


- Risk

การเตรียมรับมือกับความเสี่ยง เช่น ฝนตก ไฟดับ อุปกรณ์ไม่ครบโดยทุกๆขั้นตอนต้องมีแผนสำรองที่รองรับทุกกรณี



3. Budget: ใช้งบให้คุ้มค่าที่สุด

การจัดงานต้องใช้งบประมาณให้เหมาะสมกับเป้าหมายหากใช้งบเกิน ต้องสามารถอธิบายได้ว่า “เกินเพื่ออะไร” และ “คุ้มค่าหรือไม่” และต้องมองให้ออกว่า หนึ่งงานสามารถให้ผลลัพธ์ในด้านใดได้บ้าง ทั้งทราฟฟิก สื่อ Earned Media และการรับรู้แบรนด์

Related Posts

bottom of page